เรื่องความสะดวกสบายต้องยกให้ Novotel Bangkok Sukhumvit 20
พวกเรา (คุณแพรวกับคุณสาม) เริ่มใช้เวลาเตรียมงานแต่ง 7 เดือน เพราะรู้สึกว่าการเตรียมงานในระยะเวลาไม่ถึงปีจะทำให้ตามเทรนด์ได้ง่าย ไม่รู้สึกอยากเปลี่ยนอะไรต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา แพรวใช้วิธีหาข้อมูลและอ่านรีวิวจากเว็บไซต์ sabuywedding.com และไปเดินงานแฟร์เพื่อมองหาสถานที่และร้านค้าที่น่าสนใจ
เราเคยฝันไว้ว่าอยากจัดงานแต่งในสวน แต่พอได้ฤกษ์ช่วงเดือนมีนาคม ที่อากาศจะเริ่มร้อนขึ้น แถมต้องรับรองแขกประมาณ 300–350 คน เลยรู้สึกว่าถ้าจัดกลางแจ้งอาจไม่สะดวกสำหรับทุกคนเท่าไหร่ สุดท้ายเลยมองหาโรงแรมที่ตอบโจทย์กับให้กับทุกคน โดยต้องตั้งอยู่ระหว่างบ้านเจ้าบ่าวฝั่งธนฯ และบ้านเจ้าสาวที่รามอินทรา ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากพอสมควรเลยค่ะ
และแล้วก็ได้เลือกปักหมุดที่ย่านสุขุมวิท พวกเราเล็งไว้หลายโรงแรมในย่านนี้ แต่ทางทีมเซลล์ของ Novotel Bangkok Sukhumvit 20 (โนโวเทล กรุงเทพ สุขุมวิท 20) ติดต่อกลับมาไวที่สุด แสดงถึงความเอาใจใส่เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับงานแต่งของเราที่มีเวลาไม่มาก พอไปดูสถานที่จริงก็ยิ่งถูกใจ เพราะ...
1. โรงแรมมีห้องพักในตัว สะดวกในการหาห้องพักให้กับญาติที่มาจากต่างจังหวัด
2. โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าและรถสาธารณะหลายสาย แถมมีบริการรถรับ-ส่งจากรถไฟฟ้าให้ด้วย
3. ได้พื้นที่จัดงานแต่งทั้งชั้นที่มีงานแต่งของเราเพียงงานเดียว สะดวกในการจัดงานและเป็นส่วนตัว
4. มีลิฟท์จากที่จอดรถที่สามารถขึ้นไปถึงห้องจัดเลี้ยงได้ทันที แขกที่มาร่วมงานไม่ต้องเดินหาทางเข้างานให้ยุ่งยาก
คอนเซ็ปต์ที่เป็นตัวเองฉบับสายปาร์ตี้ เน้นให้แขกได้มาจอยกัน
งานแต่งของพวกเรามีคอนเซ็ปต์กว้าง ๆ แค่อยากให้ทุกคนได้มาเจอกัน สนุกไปด้วยกัน และที่สำคัญอยากให้งานนี้แสดงความเป็นตัวเรามากที่สุด โดยแพรวได้ออกแบบการ์ดแต่งงานเอง ให้ดูคล้ายการ์ดเชิญมางานปาร์ตี้ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว จึงเลือกใช้รูปพรีเวดดิ้งที่มีฉากหลังเป็นเหมือนบาร์ เน้นโชว์รูป และระบุธีมสีลงไปในการ์ด เป็นโทนสีกว้าง ๆ หลายสีคือ สีเบจ สีชมพู สีแดง สีน้ำตาลและสีเทา เพื่อให้ทุกคนหาเสื้อผ้าได้ง่ายนั่นเองค่ะ
ส่วนของชำร่วย สายดื่มแบบเราก็หนีไม่พ้นแก้วช็อต (หัวเราะ) ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้จริง ไม่ได้เพียงเก็บไว้เป็นของขวัญแทนใจจากงานแต่งงานของพวกเราเท่านั้น แขกไม่ต้องกลัวว่าแก้วช็อตจะร่วงแตกภายในงาน เพราะเราแพ็กลงกล่องอย่างดี มีสายหิ้วให้สะดวกในการถือค่ะ
มาดูที่การตกแต่งกันบ้างนะคะ ในตอนแรกที่เราอยากจัดงานแต่งฟีลสวน แต่จัดในโรงแรมก็อาจไม่สามารถเนรมิตให้เหมือนกับสวนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเลยเน้นจัดดอกไม้ที่แบ็คดรอปให้ดูเต็ม บริเวณทางเข้างานเน้นโชว์รูปถ่ายพรีเวดดิ้งที่บ่งบอกถึงความเป็นเรา ตกแต่งแบบน้อยแต่มาก ส่วนบนเวทีก็จัดไฟ Fairy Lights ตกแต่งแบบเรียบง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนเวทีในงานดนตรีในสวนค่ะ
โชคดีที่โรงแรมมีดีไซน์ที่สวยอยู่แล้ว ทั้งโทนสีกลาง ๆ ที่สามารถเข้าได้กับทุกธีมงานแต่ง ดีไซน์ห้องที่ดูเรียบหรู ช่วยทำให้งานแต่งที่มีการตกแต่งเบา ๆ อย่างงานของแพรว ดูสวยและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
พิธีแต่งงานที่แสนเรียบง่าย แต่อบอวลด้วยความรักและเสียงเพลง
แพรวจัดงานแต่งรูปแบบเลี้ยงฉลองในตอนเย็น บรรยากาศน่าประทับใจตั้งแต่อยู่ในห้องพักเลยค่ะ ห้องพักที่โรงแรมจัดให้บ่าวสาวเป็นห้องสวีท ที่มีขนาดกว้างขวาง สามารถเก็บโมเมนต์ตามมุมต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ตอนแต่งตัว ส่วนช่างแต่งหน้าแพรวใช้พี่ที่รู้จักกัน ซึ่งคอยเติมหน้าซับหน้าให้จนถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ บ่าวสาวดูดีได้จนจบงานแน่นอนค่ะ
เสร็จแล้วลงมาที่ชั้น 5 ห้องเบญจศิริ แกรนด์บอลรูม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานของเรานั่นเอง พอลงมาถึงก็เรียกเสียงฮือฮาจากแขกที่มารอถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอป แขกจะสามารถสแกน QR Code รับรูปได้ทันที ช่วงนี้ได้รูปมาเยอะมาก พอเวลาประมาณ 19.30 น. ด้านในห้องบอลรูมจะเริ่มเปิด VTR จากตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ให้แขกทุกคนได้รู้จักคู่ของเรากันมากขึ้น
จากนั้นแพรวก็เดินเข้าไปในพิธีพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ โดยเปิดเพลงที่เราชอบชื่อ Nothing's gonna change my love for you ของ George Benson ตลอดการส่งตัวให้กับเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่กลางห้อง ทุกอย่างลงตัวไปหมด เป็นโมเมนต์ที่กินใจมากที่สุด เพราะปกติบ้านของแพรวไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะมีคุณพ่อคุณแม่คอยรับส่งเสมอ แล้วการส่งครั้งนี้ก็เหมือนทำให้เราได้ก้าวไปอีกสเตปของชีวิต พวกท่านมาส่งให้เราถึงจุดหมายแล้วค่ะ
จากนั้นบนเวทีก็จะเป็นการสัมภาษณ์และพูดความในใจ โดยมีพิธีกรเป็นญาติและรุ่นน้องที่รู้จักกัน ทำให้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายเพราะทั้งสองท่านรู้จักบ่าวสาวและคนสนิทของพวกเราเป็นอย่างดี งานดูเป็นกันเอง อบอุ่น และโฟลว์ตลอดทั้งงาน จนแขกชมเรื่องบรรยากาศของงานแต่งมากันเยอะเลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าควรเลือกพิธีกรที่ไม่ตายไมค์หรือมีเอนเนอจี้ จะช่วยให้งานยิ่งดูสนุกนะคะ
เมื่อพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาตัดเค้ก มอบเค้กให้กับญาติผู้ใหญ่ แล้วจึงโยนช่อดอกไม้ มีคนออกมาให้ความร่วมมือกันเยอะมาก เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นตลอดพิธีการเลยค่ะ
หลังจากจบในส่วนของพิธีการ ก็ให้แขกได้ Enjoy Eating ไปกับอาหารบุฟเฟต์ ซึ่งไลน์อาหารบุฟเฟต์ของที่นี่ไม่ได้เป็นอินเตอร์จ๋าทั้งหมด มีเมนูให้เลือกหลากหลายมาก แพรวขอปรับเปลี่ยนบางเมนูเพื่อให้แขกผู้ใหญ่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เช่น จากสลัดมันฝรั่งเปลี่ยนมาเป็นส้มตำไทย อันนี้ก็เป็นข้อแรก ๆ ที่ช่วยให้ตัดสินใจเลือกโรงแรมนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ
บ่าวสาวส่งแขกบางส่วนกลับตอน 21.30 น. หลังจากนั้นก็เป็นเวลาของอาฟเตอร์ปาร์ตี้ยาว ๆ จนถึงเวลาประมาณตีหนึ่ง ไวบ์เป็นแบบคาราโอเกะปาร์ตี้เลยค่ะ เพราะทั้งสองบ้านเป็นครอบครัวที่รักความสนุกสนาน ชื่นชอบเสียงดนตรีและการร้องเพลงมาก ในงานทุกคนเลยมีโอกาสได้ออกมาโชว์พลังเสียง สลับกันร้องเพลง แพรวร้องเพลงให้กับเจ้าบ่าว มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ คอยเปิดไฟแฟลชจากมือถือแล้วโยกกันไปตามจังหวะ เป็นอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่ทั้งสนุกและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
ทีมโรงแรมที่ดีช่วยให้การจัดงานแต่งเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
แพรวรู้สึกประทับใจทีมเซลล์ของ Novotel Bangkok Sukhumvit 20 ตั้งแต่แรกเลยค่ะ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าการจัดงานแต่งนั้น มีดีเทลเยอะมาก ถ้าบ่าวสาวจัดงานเองอาจมีหลงลืมในบางจุด แต่เซลล์ของที่นี่จะคอยมาสอบถาม ย้ำเตือนเหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัว ดูใส่ใจในรายละเอียด และคุยง่ายอีกด้วย ในขั้นตอนระหว่างการเตรียมงาน ถ้าไม่ได้ทีมเซลล์คอยช่วยเหลือ งานแต่งของพวกเราคงไม่ได้ออกมาสมูทแบบนี้
ส่วนเรื่องความสะดวกสบาย ทั้งการเดินทาง ที่จอดรถและห้องจัดเลี้ยง ก็ต้องขอบอกเลยว่าเป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายในการจัดงานแต่งงานอย่างมาก หมดกังวลว่าแขกจะเดินทางมาลำบากไปได้เลยค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
บ่าวสาวที่ไม่ได้ซีเรียสว่างานแต่งจำเป็นต้องเป๊ะทุกเรื่อง การใช้ระยะเวลาจัดงานแต่งประมาณครึ่งปีหรือ 7 เดือน ก็สามารถทำได้ แถมยังตัดปัญหาความโลเลที่อาจรู้สึกอยากเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่อยู่ตลอดเวลา
จัดงานแต่งที่สื่อความเป็นคู่ของคุณมากที่สุด โดยใส่ความชอบของทั้งคู่ หา Reference แล้วนำมา Adapt ให้เป็นตัวเองมากที่สุด แขกจะรับรู้ได้ถึงความสุขและความอบอุ่น
บ่าวสาวที่มีแพลนจัดงานแต่งด้วยตัวเอง ลองให้ Novotel Bangkok Sukhumvit 20 อยู่ในตัวเลือก เพราะตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย การบริการและราคาแพ็กเกจที่คุ้มค่า ทีมงานของที่นี่พร้อมช่วยให้การจัดงานแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
ปล่อยจอยในวันงานแต่งงาน เพราะวันจริงบ่าวสาวจะไม่สามารถจัดการอะไรด้วยตัวเองได้มากมายอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเครียด เพียงแค่คอยซึมซับความสุขในวันแต่งงานก็พอค่ะ
Photographer: SkyCapture Photo, Veerayuth Sangchan